วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ครูในดวงใจ




ชื่อ  นางมนพร  เหมทานนท์
เกิดวันที่    19   กุมภาพันธ์   2529
เรียนจบจาก   มหาวิทยาลัยศิลปากร  คณะศึกษาศาสตร์   สาขาวิชาภาษาไทย
ปัจจุบัน    สอนที่โรงเรียนสุราษฎร์พิทยา

ทำไมถึงเลือกมาเป็นครู
เพราะชอบรักในอาชีพนี้   และบอกกับตัวเองเสมอว่า   จะต้องเป็นครูให้ได้    และพอสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ได้เลือกสอบคณะศึกษาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร  ในสาขาวิชาภาษาไทย   ที่เลือกภาษาไทยเพราะโดยพื้นฐานนิสัยตัวเองไม่ชอบการคำนวณ   ไม่ชอบอะไรที่ยุ่งยาก    และภาษาไทยเป็นวิชาที่ใช้การจำการเข้าใจ  เลยเลือกมาเรียนวิชานี้   สุดท้ายก็สามารถเรียนจนจบและมาสอบบรรจุเป็นครูได้สำเร็จ

หลักการสอนหนังสือ
1.             สอนยังไงก็ได้ที่คิดว่าจะทำให้เด็กจำได้    ให้เด็กเข้าใจในสิ่งนั้น     อาจเช่น    มีการเล่าเรื่องให้ฟัง และให้นักเรียนไปทำวีดีโอเรื่องที่เรียนไปมาส่ง    นั้นแปลว่าถ้านักเรียนเข้าใจในเรื่องที่ได้เล่าไปนั้นจริง  นักเรียนจะสามารถแสดงละครเรื่องนี้ออกมาได้ดี
2.             การสอนนั้นต้องไม่จำเจ    ไม่ทำให้นักเรียนรู้สึกเบื่อกับสิ่งที่ได้เรียน    วิชานี้ถือเป็นวิชาที่ท้าทายความสามารถพอสมควร  เพราะวิชาภาษาไทย  นักเรียนหลายคนจะคิดว่าเป็นวิชาที่น่าเบื่อ   เวลาเรียนก็จะง่วงนอน   ซึ่งเราต้องทำยังไงล่ะถึงจะทำให้นักเรียนเหล่านี้เกิดอยากเรียนวิชานี้ให้ได้  เราต้องทำให้วิชาที่เขาคิดว่ามันน่าเบื่อเป็นวิชาที่เขาเห็นว่ามันไม่น่าเบื่ออีกต่อไป   รู้สึกสนุกกับวิชาที่เขากำลังเรียนอยู่ถ้าเราทำได้นั้นแปลว่าเราทำสำเร็จในการเป็นครู

แนวทางการดำรงชีวิต
เราต้องแบ่งเวลาให้ได้   ว่าเวลานี้เป็นเวลาที่ต้องอยู่กับนักเรียน   นั้นหมายถึงว่าเราต้องสวมบทบาทเป็นครูที่คอยสอนนักเรียน  ให้ความรู้แก่นักเรียน  ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้นักเรียน   และเมื่อเวลานั้นเป็นเวลาที่ต้องให้กับครอบครัว   นั้นหมายถึงว่า  เวลาอยู่กับสามีเราก็ต้องเป็นภรรยาที่ดี   เวลาที่อยู่กับลูกนั้นก็หมายถึงเรากำลังเป็นแม่อยู่    แต่เวลาอยู่กับครอบครัวนั้น   จะสบายมากเพราะสามีจะตามใจ   และจะคอยทำทุกอย่างในบ้าน   เรามีหน้าที่แค่เลี้ยงลูกให้ดีที่สุดและมอบความรักให้เขาผู้เป็นสามี

สิ่งที่คอยบอกคอยเตือนลูกศิษย์อยู่เสมอ  คือ   จะคอยบอกลูกศิษย์ว่า   จะเรียนอะไรขอให้เป็นสิ่งที่ตัวเราเองชอบ   เพราะนั้นหมายถึง   เราต้องอยู่กับสิ่งนั้นไปตลอดชีวิต   ถ้าเราไม่ชอบไม่ได้รักในสิ่งนั้น   เราก็ทำสิ่งนั้นได้ไม่นานหรอก     การสอบเข้ามหาวิทยาลัย    ให้สอบ  สอบเรื่อยๆอย่ารีบเลือก  อย่าเสียดาย  อย่ากล้าที่จะตัดสินใจ    ให้เราหยุดเมื่อเราได้ในที่ที่เราต้องการจริงๆ    แล้วชีวิตเราก็จะมีความสุข   ไม่จำเป็นว่าต้องจบมาเป็นครูเหมือนครู  แค่สิ่งนั้นคือสิ่งที่เธอรักมันจริงก็พอ

สอนการใช้ชีวิต 
การใช้ชีวิตมหาวิทยาลัยกับโรงเรียน  แน่นอนมันต่างกัน   สังคมก็ย่อมเปลี่ยนไป   การเข้ามหาวิทยาลัยนั้นเราต้องดูแลด้วยเองได้   ดูแลตัวเองเป็น   อยากลองอะไรลองได้แต่ลองเพื่อแค่ให้รู้รสชาติว่ามันเป็นยังไง   ไม่ใช่ลองจนติด    ถ้าเราไม่ลองอะไรเลย   เวลาถึงยามขับขัน   ถ้าเกิดเราโดนมอมเหล้า  ถ้าคนไม่เคยแน่นอนเมาแน่ๆ    แต่ถ้าคนที่เคยบ้างก็อาจจะรู้ลิมิตตัวเอง   บ้างครั้งสิ่งเหล่านี้หลายคนอาจจะมองว่าผิด   แต่สำหรับครูมันคือการใช้ชีวิตให้เป็น   นี้คือวัยรุ่น   มีเยอะแยะไปที่เห็นกันอยู่บ่อยๆ   เด็กที่ใช้ชีวิตเป็นเคยลองโน่นนี้   เด็กที่สังคมมองว่าเขาไม่ดี   แต่พอถึงเวลาขับขันเขาสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้   ต่อสู้ให้ตัวเองรอดพ้นได้   แต่เด็กบางคนที่เอาแต่เรียน   ไม่ทำอะไรเลย   เวลาอยู่ในสถานการณ์ขับขัน   ก็อาจจะแก้ไขอะไรไม่ได้    เพราะไม่เคยผ่านประสบการณ์ชีวิตหลายๆอย่างมา   ครูไม่ได้บอกว่า   ให้นักเรียนทุกคนไปลองโน่นนี้    แต่นี้คือการยกตัวอย่าง   แล้วเราก็ไม่ควรตัดสินคนว่าคนนี้ดีคนนี้ไม่ดี   การที่ลองไม่ใช่เรื่องผิดสำหรับครู    แค่ลองให้เรารู้แล้วเราก็พอแค่นั้น    มันไม่ใช่การทำร้ายตัวเองเลย

สิ่งที่อยากเห็นจากลูกศิษย์เมื่อจบไป
อยากเห็นลูกศิษย์ที่จบไปได้ดีทุกคน   อยากให้ลูกศิษย์จบไปมีงานทำ   ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก   มีครอบครัวที่ดี   มีอนาคตที่ก้าวไกล   ถ้าลูกศิษย์จบไปแล้วไปได้ดี    ตัวเราเองก็จะคอยยินดี   และมีความสุขที่เห็นลูกๆของเราได้ดี    แต่ถ้าเกิดได้ข่าวถึงลูกศิษย์เราในทางไม่ดี   เราก็จะรู้สึกไม่ดีเหมือนกัน   รู้สึกเป็นห่วง   เพราะลูกศิษย์ของเราทุกคน   เปรียบเหมือนลูกของเราเอง    เพราะฉะนั้นแล้วครูอยากเห็นศิษย์ของครูทุกคนได้ดี

วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ทดสอบกลางภาคเรียน

1.แนวคิดทางการศึกษาของไทยยุคก่อนมีระบบโรงเรียน  มีสาระสำคัญอะไรบ้าง
ในยุคสมัยก่อน  จะใช้วัดเป็นสถานที่ศึกษาความรู้   โดยมีพระสงฆ์เป็นผู้สอนธรรมะ   และหลักคำทางศาสนาให้

2.สมัยกรุงสุโขทัยกับกรุงศรีอยุธยาจัดการศึกษาเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
=  เหมือนกัน  คือ  ผู้ชาย   ซึ่งจะเน้นไปในทางการบวชเป็นพระ  การศึกษาพระธรรม  ส่วน ผู้หญิง   จะเน้นไปยังการเป็นกุลสตรีที่ดี  การเป็นแม่บ้านแม่เรือน  เพื่อเตรียมที่จะออกเรือน
    ต่างกัน  คือ   สมัยกรุงศรีอยุธยาได้มีการทำหนังสือเล่มแรกขึ้นมาชื่อ   จินดามณี

3.อิทธิพลชาวตะวันตกที่มีผลต่อการจัดการศึกษายุคก่อนมีระบบโรงเรียนมีอะไรบ้าง
สัมพันธ์ไมตรี ติดต่อค้าขาย เผยแพร่ศาสนา สอนวิธีรบแบบชาติตะวันตก สอนการต่อเรือ

4.การจัดการศึกษาสมัยกรุงธนบุรีและสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นมีความก้าวหน้าอย่างไร
การจัดการศึกษาในสมัยกรุงธนบุรี และรัตนโกสินทร์ ตอนต้น มีการเปลี่ยนแปลงไม่เด่นชัด ชาวบ้านที่มีฐานะดีและข้าราชการ นิยมส่งบุตรหลานไปศึกษาเล่าเรียนที่วัดและการจัดการศึกษาตอนต้นรัตนโกสินทร์ เริ่มนำวิทยาการใหม่ๆ จัดพิมพ์ตำราเรียน เป็นจุดเริ่มต้นการปฏิรูปการศึกษาของไทยในสมัยต่อไป

5.แบบเรียนเล่มแรกของไทยชื่ออะไร เกิดขึ้นในสมัยใด ตรงกับรัชกาลใด มีที่มาอย่างไร
 แบบเรียนเล่มแรกของไทยชื่อ จินดามณีเกิดในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช  โดย ฝรั่งเศสได้มาติดต่อค้าขายเผยแพร่ศาสนาคริสต์ ตั้งโรงเรียนสอนศาสนาคริสต์ ประดิษฐ์ตัวพิมพ์อักษรไทยขึ้นเป็นครั้งแรกและสอนวิชาการแบบยุโรป อาทิ ดาราศาสตร์ ภาษาฝรั่งเศส ต่อเรือ การก่อสร้าง พระองค์เกรงว่าคนไทยจะหันไปเข้ารีตและนิยมฝรั่งทรงรับสั่งให้พระโหราธิบดี แต่งหนังสือแบบเรียนภาษาไทยเป็นของตนเอง ชื่อ จินดามณี



6.การจัดการศึกษาภาคบังคับมีลักษณะเป็นอย่างไร จงอธิบาย และให้เหตุผล
การศึกษาภาคบังคับเพื่อทุกคนทุกพื้นที่ และจัดการศึกษาเพื่อรับราชการและประกอบอาชีพ ยุคขยายงาน จัดขยายการศึกษาภาคบังคับให้กว้างขวางขึ้น ยุคแสวงหา การจัดการศึกษาร่วมมือกบองค์กรระหว่างประเทศ มีจุดมุ่งหมายคือ มุ่งพัฒนาคนให้มีคุณภาพมาตรฐาน ส่งเสริมจริยธรรม คุณธรรม มีวินัยและพลานามัยที่สมบูรณ์

7.การศึกษาที่เรียกว่ามาติกาศึกษาเป็นอย่างไร จงอธิบายและยกเหตุผล
มาติกาศึกษา  คือ  การศึกษามีศูนย์กลางอยู่ที่วัด มีอยู่ 8 มาติกา คือ
             1. ตำบลที่เล่าเรียน  คือ  ที่ตั้งของวัด
            2. โรงเรียน  คือ ที่เรียนในวัด เช่น หอฉัน หอสวดมนต์ ศาลาการเปรียญ กุฏิและวิหาร
            3. นักเรียนและครู มี 3 ประเภท  คือ ภิกษุ สามเณร และศิษย์วัด
            4. เวลาเรียน  คือ ตอนพระว่าง
            5. เครื่องเล่าเรียน  คือ กระดานชนวน ดินสอพอ กระดาษข่ายและปากกาไม้ไผ่ เป็นต้น
            6. วิชาหนังสือ  คือ หนังสือเรียนและหนังสืออ่านประกอบ
            7. วิชาเลข  คือ เลขคณิตวิธีต่าง ๆ
            8. ข้อบังคับการเรียน  คือ ระเบียบวินัย การลงโทษ และการชมเชย

8.   การจัดการศึกษาที่มุ่งคนเข้ารับราชการตรงกับสมัยใด จงอธิบาย ยกเหตุผล
สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว   แนวนโยบายในการจัดการศึกษาที่สำคัญที่สุด คือ การขยายการศึกษาทั่วในกรุงเทพฯ และตามหัวเมืองให้กว้างขวางออกไป เห็นว่า การศึกษามีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ  และมุ่งที่จะฝึกคนเข้ารับราชการ เรียนภาษาไทย การคิดเลข และขนบธรรมเนียมราชการ

9.การปฏิรูปการศึกษาในยุคปัจจุบันท่านเห็นด้วยหรือไม่ จงอธิบายและยกเหตุผล
เห็นด้วย  เพราะในปัจจุบันมีการเรียนการสอนที่ทันสมัยขึ้น   มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนการสอน   ทำให้สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น  และไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถค้นคว้าความรู้ได้ตลอดเวลา
10.ท่านเข้าใจการจัดการศึกษาเข้าสู่สมาคมอาเซียน มียุทธศาสตร์ที่สำคัญอย่างไร
ยุทธศาสตร์ที่สำคัญมี  ยุทธศาสตร์  คือ
ยุทธศาสตร์ที่ 1 การเสริมสร้างความตระหนักเกี่ยวกับอาเซียน จัดทำคู่มืออาเซียน ทำหลักสูตรอาเซียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา พัฒนาศักยภาพของนักการศึกษา ครู และบุคลากรทางการศึกษา จัดมุมอาเซียนประถมศึกษา และมัธยมศึกษา บรรลุเป้ าหมายเพื่อปวงชน ปี พ.ศ.2558 และเพิ่มการจัดมาตรฐานการศึกษา การศึกษาตลอดชีวิตและการพัฒนาวิชาชีพครู การศึกษาเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานและสภาพเศรษฐกิจของยุคโลกาภิวัตน์ การศึกษา สนับสนุนการศึกษาเพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อม การจัดการความเสี่ยงและภัยพิบัติ การจัดการศึกษาเพื่อสิทธิมนุษยชน การจัดการศึกษาเพื่อป้องกนโรคเอดส์
ยุทธศาสตร์ที่ 2 คุณภาพและโอกาสทางการศึกษา สร้างโอกาสทางการศึกษาระดับ
ยุทธศาสตร์ที่ 3 เคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนและการจัดการศึกษาให้มีความเสมอภาค 
ยุทธศาสตร์ที่ 4 การสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรรายสาขาอื่น ๆ เพื่อพัฒนา

วิวัฒนาการศึกษาไทยตอนที่ 2

บทที่ 3 วิวัฒนาการศึกษาไทย
1.แนวคิดทางการศึกษาของไทยยุคก่อนมีระบบโรงเรียน  มีสาระสำคัญอะไรบ้าง
ในยุคสมัยก่อน  จะใช้วัดเป็นสถานที่ศึกษาความรู้   โดยมีพระสงฆ์เป็นผู้สอนธรรมะ   และหลักคำทางศาสนาให้

2.สมัยกรุงสุโขทัยกับกรุงศรีอยุธยาจัดการศึกษาเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
=  เหมือนกัน  คือ  ผู้ชาย   ซึ่งจะเน้นไปในทางการบวชเป็นพระ  การศึกษาพระธรรม  ส่วน ผู้หญิง   จะเน้นไปยังการเป็นกุลสตรีที่ดี  การเป็นแม่บ้านแม่เรือน  เพื่อเตรียมที่จะออกเรือน
    ต่างกัน  คือ   สมัยกรุงศรีอยุธยาได้มีการทำหนังสือเล่มแรกขึ้นมาชื่อ   จินดามณี

3.อิทธิพลชาวตะวันตกที่มีผลต่อการจัดการศึกษายุคก่อนมีระบบโรงเรียนมีอะไรบ้าง
สัมพันธ์ไมตรี ติดต่อค้าขาย เผยแพร่ศาสนา สอนวิธีรบแบบชาติตะวันตก สอนการต่อเรือ

4.การจัดการศึกษาสมัยกรุงธนบุรีและสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นมีความก้าวหน้าอย่างไร
การจัดการศึกษาในสมัยกรุงธนบุรี และรัตนโกสินทร์ ตอนต้น มีการเปลี่ยนแปลงไม่เด่นชัด ชาวบ้านที่มีฐานะดีและข้าราชการ นิยมส่งบุตรหลานไปศึกษาเล่าเรียนที่วัดและการจัดการศึกษาตอนต้นรัตนโกสินทร์ เริ่มนำวิทยาการใหม่ๆ จัดพิมพ์ตำราเรียน เป็นจุดเริ่มต้นการปฏิรูปการศึกษาของไทยในสมัยต่อไป

5.แบบเรียนเล่มแรกของไทยชื่ออะไร เกิดขึ้นในสมัยใด ตรงกับรัชกาลใด มีที่มาอย่างไร
 แบบเรียนเล่มแรกของไทยชื่อ จินดามณีเกิดในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช  โดย ฝรั่งเศสได้มาติดต่อค้าขายเผยแพร่ศาสนาคริสต์ ตั้งโรงเรียนสอนศาสนาคริสต์ ประดิษฐ์ตัวพิมพ์อักษรไทยขึ้นเป็นครั้งแรกและสอนวิชาการแบบยุโรป อาทิ ดาราศาสตร์ ภาษาฝรั่งเศส ต่อเรือ การก่อสร้าง พระองค์เกรงว่าคนไทยจะหันไปเข้ารีตและนิยมฝรั่งทรงรับสั่งให้พระโหราธิบดี แต่งหนังสือแบบเรียนภาษาไทยเป็นของตนเอง ชื่อ จินดามณี

 6.การจัดการศึกษาภาคบังคับมีลักษณะเป็นอย่างไร จงอธิบาย และให้เหตุผล
การศึกษาภาคบังคับเพื่อทุกคนทุกพื้นที่ และจัดการศึกษาเพื่อรับราชการและประกอบอาชีพ ยุคขยายงาน จัดขยายการศึกษาภาคบังคับให้กว้างขวางขึ้น ยุคแสวงหา การจัดการศึกษาร่วมมือกบองค์กรระหว่างประเทศ มีจุดมุ่งหมายคือ มุ่งพัฒนาคนให้มีคุณภาพมาตรฐาน ส่งเสริมจริยธรรม คุณธรรม มีวินัยและพลานามัยที่สมบูรณ์

7.การศึกษาที่เรียกว่ามาติกาศึกษาเป็นอย่างไร จงอธิบายและยกเหตุผล
มาติกาศึกษา  คือ  การศึกษามีศูนย์กลางอยู่ที่วัด มีอยู่ 8 มาติกา คือ
             1. ตำบลที่เล่าเรียน  คือ  ที่ตั้งของวัด
            2. โรงเรียน  คือ ที่เรียนในวัด เช่น หอฉัน หอสวดมนต์ ศาลาการเปรียญ กุฏิและวิหาร
            3. นักเรียนและครู มี 3 ประเภท  คือ ภิกษุ สามเณร และศิษย์วัด
            4. เวลาเรียน  คือ ตอนพระว่าง
            5. เครื่องเล่าเรียน  คือ กระดานชนวน ดินสอพอ กระดาษข่ายและปากกาไม้ไผ่ เป็นต้น
            6. วิชาหนังสือ  คือ หนังสือเรียนและหนังสืออ่านประกอบ
            7. วิชาเลข  คือ เลขคณิตวิธีต่าง ๆ
            8. ข้อบังคับการเรียน  คือ ระเบียบวินัย การลงโทษ และการชมเชย

8.   การจัดการศึกษาที่มุ่งคนเข้ารับราชการตรงกับสมัยใด จงอธิบาย ยกเหตุผล
สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว   แนวนโยบายในการจัดการศึกษาที่สำคัญที่สุด คือ การขยายการศึกษาทั่วในกรุงเทพฯ และตามหัวเมืองให้กว้างขวางออกไป เห็นว่า การศึกษามีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ  และมุ่งที่จะฝึกคนเข้ารับราชการ เรียนภาษาไทย การคิดเลข และขนบธรรมเนียมราชการ

9.การปฏิรูปการศึกษาในยุคปัจจุบันท่านเห็นด้วยหรือไม่ จงอธิบายและยกเหตุผล
เห็นด้วย  เพราะในปัจจุบันมีการเรียนการสอนที่ทันสมัยขึ้น   มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนการสอน   ทำให้สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น  และไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถค้นคว้าความรู้ได้ตลอดเวลา

10. ท่านเข้าใจการจัดการศึกษาเข้าสู่สมาคมอาเซียน มียุทธศาสตร์ที่สำคัญอย่างไร
ยุทธศาสตร์ที่สำคัญมี  ยุทธศาสตร์  คือ
ยุทธศาสตร์ที่ 1 การเสริมสร้างความตระหนักเกี่ยวกับอาเซียน จัดทำคู่มืออาเซียน ทำหลักสูตรอาเซียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา พัฒนาศักยภาพของนักการศึกษา ครู และบุคลากรทางการศึกษา จัดมุมอาเซียนประถมศึกษา และมัธยมศึกษา บรรลุเป้ าหมายเพื่อปวงชน ปี พ.ศ.2558 และเพิ่มการจัดมาตรฐานการศึกษา การศึกษาตลอดชีวิตและการพัฒนาวิชาชีพครู การศึกษาเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานและสภาพเศรษฐกิจของยุคโลกาภิวัตน์ การศึกษา สนับสนุนการศึกษาเพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อม การจัดการความเสี่ยงและภัยพิบัติ การจัดการศึกษาเพื่อสิทธิมนุษยชน การจัดการศึกษาเพื่อป้องกนโรคเอดส์
ยุทธศาสตร์ที่ 2 คุณภาพและโอกาสทางการศึกษา สร้างโอกาสทางการศึกษาระดับ
ยุทธศาสตร์ที่ 3 เคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนและการจัดการศึกษาให้มีความเสมอภาค 
ยุทธศาสตร์ที่ 4 การสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรรายสาขาอื่น ๆ เพื่อพัฒนา

วิวัฒนาการศึกษาไทย ตอนที่1

สมัยโบราณ
การศึกษาไทยสมัยนี้มีบ้านวัดเป็นศูนย์กลาง   บ้านเป็นสถานที่กล่อมเกลาจิตใจ  วัดเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา  พระมีหน้าที่อบรมสั่งสอนธรรมะให้แก่พุทธศาสนิกชน   ผู้ชายนิยมบวชเรียน  ผู้หญิงนิยมเรียนเย็บปักถักร้อยเพื่อจะพัฒนาหรือดูแลครอบครัวในอนาคต
สมัยสุโขทัย
การศึกษาไทยสมัยนี้แบ่งเป็น  รูปแบบ   คือ  1.รูปแบบของ ผู้ชาย   ซึ่งจะเน้นไปในทางการบวชเป็นพระ  การศึกษาพระธรรม  การศึกษาพระไตรปิฎก   2.รูปแบบของ ผู้หญิง   จะเน้นไปยังการเป็นกุลสตรีที่ดี  การเป็นแม่บ้านแม่เรือน  เพื่อที่จะให้ตัวเองเป็นภรรยาที่ดีของสามี    
สถานที่ศึกษาของสมัยสุโขทัย  มี  สถานที่   คือ  1.บ้าน   2.วัด   3.สำนักพระราชบัณฑิต  4.วัง
สมัยอยุธยา
แบ่งการศึกษาเป็น  แบบ  คือ  1.แบบทหาร  ส่วนมากจะเรียนเกี่ยวกับการใช้ดาบใช้ม้า  เพื่อใช้ในการปกป้องบ้านเมือง   2.แบบพลเรือน   พลเรือนชาย  ส่วนมากจะบวชเรียนและได้เรียนเกี่ยวกับเลขและโหราศาสตร์  โดยมีคำพูดที่ว่า  ถ้าไม่บวชเรียนจะไม่ได้รับราชการ    พลเรือนหญิง  เรียนไปเพื่อออกเรือน  จะเรียนเกี่ยวกับการเย็บปักถักร้อย  ทำอาหาร  แกะสลัก  เป็นต้น
ในสมัยนี้จะมีการสร้างหนังสือชื่อ  จินดามณี  ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช 
สมัยธนบุรี
ศูนย์กลางการศึกษาจะอยู่ที่วัด  เมื่อมีเวลาว่างพระสงฆ์จะเป็นคนสอนหนังสือให้   โดยใช้หนังสือจินดามณี
ส่วนด้านการศึกษาอาชีพ   พ่อและแม่มีอาชีพอะไร  ก็จะสอนให้ลูกทำอาชีพนั้นๆ  เช่น การแกะสลัก  งานช่างต่างๆ    ส่วนสตรีไทยในสมัยโบราณ  นิยมให้  ผู้หญิงไทยไม่เรียนหนังสือ  มีน้อยคนที่จะอ่านออกเขียนได้  นิยมให้เรียนการเย็บปักถักร้อย  การทำอาหาร  การจัดบ้านเรือน และมารยาทของกุลสตรีไทย 
สมัยรัตนโกสินทร์
ให้เด็กชายไทยเข้าวัด  เพื่อเรียน  อ่าน  และเขียน  ได้รู้ถึงพิธีกรรม  และหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา  ส่วนชนชั้นขุนนางนั้น  จะเน้นเรียนในเรื่องปรัชญา  เครื่องกล  เครื่องมือ  และกลไก  แต่อย่างไรก็ตามในยุคสมัยนี้ยังไม่นิยมให้ผู้หญิงไทยได้รับการศึกษาอย่างมากนัก แต่ก็ยังมีบ้างส่วนที่อ่านและเขียนได้
สมัยใหม่

ในการศึกษาในสมัยนี้ได้มีการนำเอาการศึกษาทางตะวันตกเข้ามาเกี่ยวข้อง    และมีการเลิกทาส  ทำให้เกิดความทัดเท่าเทียมกันในการศึกษา  และในสมัยนี้ได้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนการสอน  และในสมัยนี้การเฆี่ยนตีได้จบลงแล้ว   เพราะในสมัยนี้เด็กมีสิทธิพิเศษในเสรีภาพ  ในการไม่ถูกเฆี่ยนตี

ปรัชญาการศึกษา

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2558

วิดีโอการศึกษา

1. ชื่อเรื่อง : ผมเกลียดโรงเรียน แต่รักการศึกษา ข้อสรุปประเด็นที่ได้ :”บุคคลที่มีชื่อเสียงอันดับโลก “คุณลองมองดูไปที่พวกเขาดูสิ...คุณเห็นอะไรไหม ไม่มีสักคนที่เรียนจบในมหาวิทยาลัย แต่ทุกคนก็ประสบความสำเร็จพวกคุณบางคนก็อาจจะเถียง ว่า! เงินนะมันไม่ใช้ตัววัด ความประสบความสำเร็จ เพียงอย่างเดียวสักหน่อย พวกคุณบางคนอาจจะกล้าถึงขนาดพูดว่า ฉันไม่ได้ทำงานเพื่อเงิน... แล้วคุณจะเรียนไปเพื่ออะไร... ทํางานการกุศลเหรอ? เอาให้ชัดเจนเลยไหม! คุณก็ลองมองคนพวกนี้ดูสิ พระเยซู,นบีมุฮัมมัด, โสกราตีส, แมลคัม เอ็กซ์ , แม่ชีเทเรซา , สตีเวน สปีลเบิร์ก, วิลเลียม เชกสเปียร์, ลุดวิจ ฟาน เบโทเฟน,เจสซี่ โอเว่นส์, มูฮัมหมัด อาลี,เจย์-ซี, ไมเคิลจอร์แดนเจฟฟรีย์,ไมเคิล แจ็กสัน มีใครคนไหนบ่างที่ไม่ประสบความสำเร็จบ่างไหม? หรือ...ไม่มีการศึกษาหรือเปล่า? ข้อคิดที่ได้ : การศึกษามันไม่ใช้แค่ท่องข้อมูลในตำรา หรือทำตามคนอื่นเพื่อที่จะสอบผ่านไปให้พ้นๆ 2. ชื่อเรื่อง : สตีฟ จ๊อบส์ ข้อสรุปประเด็นที่ได้ : สตีฟ จ๊อบส์ กล้าที่จะตัดสินใจ แน่วแน่ในสิ่งที่จะทำ โดยกล่าวว่าไม่มีใครสามารถเชื่อมจุดจากปัจจุบันไปยังอนาคตได้ บางครั้งจุดที่คุณคิดว่าล้มเหลวอาจเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งใหม่ๆ และถ้าคุณใช้ชีวิตในแต่ละวันให้เหมือนว่ามันเป็นวันสุดท้ายของชีวิต สักวันหนึ่งคุณจะได้เป็นในสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแน่นอน ข้อคิดที่ได้ งานของคุณคือการเติมเต็มในสิ่งที่สำคัญในชีวิตคุณ และทางเดียวที่จะพอใจได้คือการทำในสิ่งที่คุณเชื่อว่ามันคือสิ่งที่ดี และทางเดียวที่จะทำงานที่ดีได้คือรักในสิ่งที่คุณทำ ถ้าคุณหามันไม่เจอ ก็หามันต่อไป อย่าหยุด ทุกสิ่งที่สำคัญมันอยู่ในใจคุณ คุณจะรู้เองเมื่อใจมัน และ เหมือนกับเรื่องความสัมพันธ์ คุณจะทำมันดีขึ้นในทุกๆปี จงมองหามันจนกว่าจะเจอ อย่าหยุด 3. ชื่อเรื่อง : บิล เกตต์ ข้อสรุปประเด็นที่ได้ : 11 สิ่งที่โรงเรียนไม่ได้สอนคุณ กฎข้อที่ 1 : ชีวิตนี้ไม่ยุติธรรมนักหรอก ทำความเคยชินกับมันซะเถอะ! กฎข้อที่ 2: โลกไม่ได้สนใจหรอกว่าคุณมั่นใจในตัวเองแค่ไหน แต่โลกนี้คาดหวัง “ความสำเร็จ” ที่เกิดจากความมั่นใจของคุณต่างหาก กฎข้อที่ 3 : ไม่มีทางที่คุณจะทำเงินได้ปีละ 60,000 เหรียญ หรือเกือบ 2 ล้านบาท ทันทีที่คุณเพิ่งจบมัธยม และก็อย่าหวังเลยว่าจะได้เป็นประธานบริษัทมีรถประจำตำแหน่งพร้อมโทรศัพท์ในรถส่วนตัวด้วย กฎข้อที่ 4 : ถ้าคุณคิดว่า อาจารย์กำลังสอนบทเรียนอันน่าเบื่อ ก็ลองไปทำงานแล้วเจอกับเจ้านายดู แล้วคุณจะรู้ว่าอะไรน่าเหนื่อยอ่อนกว่ากัน กฎข้อที่ 5 : การคิดอะไรใหม่ๆไม่ใช่เรื่องผิด กฎข้อที่ 6 : อย่าคร่ำครวญกับสิ่งที่พลาดไปแล้ว แต่จงเรียนรู้จากสิ่งนั้น กฎข้อที่ 7 : ก่อนที่คุณจะเกิด พ่อแม่ไม่ได้น่าเบื่อเหมือนที่คุณรู้สึกตอนนี้ พวกเขาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าบิลต่างๆ และต้องซักผ้าให้คุณ พวกเขาต้องอดทนฟังคุณคุยโอ้อวดในเรื่องไร้สาระ ดังนั้นถ้าคุณคิดจะทำเรื่องใหญ่ๆ หรืออะไรก็ตาม ช่วยเก็บตู้เสื้อผ้ารกๆ ของคุณให้สะอาดซะก่อน กฎข้อที่ 8 : ชีวิตในโรงเรียนอาจตัดสินคุณว่า เป็นผู้ชนะหรือแพ้ แต่ชีวิตจริง “ไม่ใช่” บางโรงเรียนสอนการเป็นผู้แพ้ด้วยซ้ำไป แถมยังให้โอกาสคุณมากมายในการทำสิ่งที่ถูกต้อง กฎข้อที่ 9 : ชีวิตไม่ได้แบ่งเป็นเทอมๆ เป็นภาคการเรียนๆ ไม่ได้มีช่วงซัมเมอร์ให้คุณค้นหาตัวตน!! กฎข้อที่ 10 : สิ่งที่เกิดขึ้นในโทรทัศน์ ไม่ใช่ชีวิตจริง ผู้คนต้องรีบเช็คบิลจากร้านกาแฟ และตรงไปที่ทำงาน (เราจะเห็นว่าละครส่วนใหญ่คนมักจะออกจากที่ทำงานมาคุยกันที่ร้านกาแฟ) กฎข้อที่ 11 : จงเป็นมิตรกับความ “เนิร์ด” แล้วชีวิตคุณจะไม่ต้องเป็นลูกจ้างใครอีกคน ข้อคิดที่ได้ : ผู้ที่ประสบความสำเร็จจะคิดไม่คิดเพียงในกรอบ และมีมุมมองที่ไม่เหมือนใคร 4. ชื่อเรื่อง : อิชิตัน ข้อสรุปประเด็นที่ได้ : แม้จะสูญเสียทรัพย์สินไปจำนวนมาก ทว่า ในมุมมองของชายคนนี้ กลับเชื่อว่า ท่ามกลางปัญหาที่เกิดขึ้น ยังพบว่า มีด้านบวกเช่นกัน ซึ่งไม่นานมานี่ เจ้าของตำนานชาเขียว ได้ขึ้นเวทีบอกเล่าประสบการณ์น้ำท่วมโรงงาน ตลอดจน วิธีคิด และปฏิบัติเพื่อหาทางเอาชนะวิกฤตที่เกิดขึ้น ในแบบฉบับของคนชื่อ “ตัน” ที่ไม่มีทางจะตันความคิด ข้อคิดที่ได้ : ชีวิตที่ประสบความสำเร็จเกิดจากการรับผิดชอบกับความล้มเหลว และเรียนรู้ที่จะเข้มแข็งใส่ความสูญเสีย

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ดาวเด่น

1.              รายการโลก 360 องศา สัมภาษณ์ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ AEC
องค์ความรู้ที่ได้
           ประเทศไทยได้ประโยชน์ทางด้านบวกมากกว่าด้านลบของการเข้าสู่ AEC เพราะประเทศไทยเป็นศูนย์กลางที่ตั้งยุทธศาสตร์เหมาะแก่การลงทุน และการกระจายสินค้าเป็นอย่างมาก   และมีความหลากหลายที่สุด ขึ้นอยู่กับความพร้อม การเตรียมตัว และทรัพยากรมนุษย์    แต่ในความเป็นจริงไม่ว่าประเทศไทยจะเข้า AEC  หรือไม่  ก็ควรได้รับการพัฒนา ในตอนนี้ควรปรับปรุงทั้งด้านรัฐและเอกชน ประเทศไทยยังควรปฏิรูปการศึกษา ควรคัดสรรคนมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองกับข้าราชการให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีที่สุด เพื่อการยกระดับ ประเทศไทยให้สูงขึ้น
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
            เมื่อมีการเข้า  AEC  แล้วนั้น  ภาษาเป็นสิ่งสำคัญ  เราต้องพัฒนาตัวเองด้านภาษาให้มาก
ข้อคิดที่ได้
             การเข้า  AEC  เป็นสิ่งที่น่ายินดี  เพราะจะทำให้ประเทศเราพัฒนายิ่งขึ้น   แต่ในความเป็นจริงถ้าไม่มีการเข้า  AEC   ประเทศไทยก็ควรพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น   ยกระดับให้สูงขึ้นตลอดเวลา
  
2.              รายการโลก 360 องศา ตอนที่ 1 ประเทศไหนๆก็เร่งพัฒนาคน HD
องค์ความรู้ที่ได้
              ประเทศไทยมีการเตรียมตัวเข้า  AEC  ตั้งแต่เนิ่น มีการค้าขายข้ามชาติมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งประเทศอื่นๆก็ได้พัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศที่มีคนเก่ง คนฉลาดและคนที่ปรับตัวได้เร็ว สามารถแข่งขันกับผู้อื่นได้ เช่น ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีทรัพยากรมนุษย์ที่ดีที่สุดของโลก เพราะชาวสิงคโปร์เป็นนักคิด นักลงทุน และผู้บริหารที่ดีชั้นยอด
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
                การเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อเข้า  AEC   และต้องหมั่นขยัน   เพราะเราต้องแข่งอะไรหลายๆอย่างกันภายใน  AEC
ข้อคิดที่ได้
    คนเราต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด   เพราะในสมัยนี้มีการแข่งขันกันอยู่ตลอดเวลา
3.              รายการโลก 360 องศา ตอนที่ 2 ดาวเด่นด้านการศึกษาแห่งอาเซียน HD
องค์ความรู้ที่ได้ 
               การศึกษาของประเทศสิงคโปร์อยู่อันดับ3ของโลก เนื่องด้วยอาชีพครูเป็นอาชีพที่สำคัญสำหรับสิงคโปร์ กุญแจการศึกษาของครูที่นั่นไม่ได้เน้นวิชาการเพียงอย่างเดียว แต่เน้นคุณธรรมกับศิลปะด้วย และสิ่งเหล่านี้ทำให้คนสิงคโปร์มีความกล้าแสดงออก มีความมั่นใจในตนเอง และพร้อมที่จะพัฒนาประเทศต่อไป
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
            เราควรเป็นคนดี   มีคุณธรรม  เพื่อทำให้ตนเองดูสูงมีค่า   ไม่ใช่เท่าแต่เก่งเพียงอย่างเดียว
ข้อคิดที่ได้
            คนเก่งต้องมีคุณธรรมด้วย  จึงจะเป็นบุคคลที่ดีอย่างสมบูรณ์แบบ

4.              รายการโลก 360 องศา ตอนที่ 3 ปฏิรูปการศึกษา เพื่อพัฒนาทุนมนุษย์ HD
องค์ความรู้ที่ได้ 
ทุกประเทศล้วนมีระบบการศึกษาเป็นเครื่องมือในการพัฒนามนุษย์ การพัฒนาระบบการศึกษาเป็นเรื่องจำเป็นที่ทุกประเทศในอาเซียนให้ความสำคัญและแม้ว่าจะมีระดับการพัฒนาการศึกษาที่แตกต่างกันก็ตาม แต่ทุกประเทศสมาชิกก็มีเป้าหมายเดียวกัน  คือ  การยกระดับการศึกษาเพื่อพัฒนามนุษย์และพัฒนาชาติต่อไป
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
การศึกษาจะช่วยให้เรามีการพัฒนา   ดังนั้นเราควรให้ความสำคัญด้านการศึกษา
ข้อคิดที่ได้
            ทุกคนย่อมต้องการพัฒนา  และยกระดับตัวเองให้สูงขึ้นเรื่อยๆอยู่ตลอดเวลา

5.              รายการโลก 360 องศา ตอนที่ 4 ประเทศไทยอยู่ตรงไหนในอาเซียน HD
องค์ความรู้ที่ได้ 
WEF ได้เผยข้อมูลว่าไทยอยู่ลำดับที่ 8 ของอาเซียน ซึ่งยังไม่นับรวมพม่าและลาว ซึ่งก็หมายความว่าประเทศไทยอยู่อันดับสุดท้ายและ ตัวถ่วงในการแข่งขันด้านนวัตกรรมของประเทศไทย คือ การที่รัฐบาลลงทุนในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น  ประเทศไทยจึงควรต้องพัฒนาด้านเทคโนโลยีคู่ไปกับการพัฒนาการศึกษามากขึ้น
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
            พัฒนาการศึกษาให้เข้มขึ้น  ดีขึ้นกว่าเดิม
ข้อคิดที่ได้
          การศึกษาจะช่วยยกระดับคนเราให้สูงยิ่งขึ้น

6.              โลก 360 องศา ชุดร่วมกันพัฒนาตามประสาเพื่อนบ้านตอนสายสัมพันธ์ไทย-ลาว
องค์ความรู้ที่ได้ 
                ประเทศไทยกับประเทศลาวเป็นเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกันทางตอนเหนือและตะวันออก โดยมีแม่น้ำเป็นเส้นทางหล่อเลี้ยงชีวิตนั้นคือ แม่น้ำโขง กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวนิยมทำที่หลวงพระบางคือ การตักบาตรข้าวเหนือทุกเช้า เป็นวิถีชีวิตของชาวพุทธในประเทศลาวซึ่งคล้ายกับของประเทศไทย
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
            นำวัฒนธรรมในแต่ละประเทศศึกษา  ว่ามีการทำอะไรแบบไหนในประเพณีอะไร
ข้อคิดที่ได้
          ทุกประเทศย่อมมีวัฒนธรรมและประเพณีที่ดีงามของตนเองทั้งนั้น

7.              โลก 360 องศา ซีรี่ส์ร่วมกันพัฒนาตามประสาเพื่อนบ้าน ตอนเยือนถิ่นอิเหนา
องค์ความรู้ที่ได้ 
              ประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศที่ครอบครองทรัพยากรธรรมชาติเป็นจำนวนมาก ทั้งทรัพยากรป่าไม้ แร่ธาตุ ทรัพยากรปิโตรเลียม และทรัพยากรทางทะเล  ประชากรส่วนใหญ่ส่วนสืบเชื้อสายมาจากชาวมาเลย์ ที่เหลือเป็นอินเดีย อาหรับ จีน และยุโรป แต่ละพื้นที่ก็ยังมีความแตกต่างทางวัฒนธรรมและภาษาพูดของแต่ละชนเผ่า 
สิ่งที่ได้นำไปใช้พัฒนาตนเอง
          นำความรู้เรื่องนโยบายมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
ข้อคิดที่ได้
             นโยบายที่เป็นธรรมจะสามารถทำให้ประเทศเกิดการพัฒนาไปได้อย่างต่อเนื่อง

8.              โลก 360 องศา ซีรี่ส์ ร่วมกันพัฒนาตามประสาเพื่อนบ้าน ตอน เที่ยวฟิลิปปินส์
องค์ความรู้ที่ได้
               ประเทศฟิลิปปินส์เป็นประเทศเกาะที่ความสวยสวยงามทางธรรมชาติ ประเทศนี้จึงเป็นศูนย์กลางราชการ เศรษฐกิจ และการขนส่งทางทะเลและอากาศที่มีความสำคัญมากที่สุดของภูมิภาคนี้
สิ่งที่ได้นำไปใช้พัฒนาตนเอง
          นำมาปรับพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวของไทยให้สวยงามน่าเป็นเมืองท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น
ข้อคิดที่ได้
                ทุกประเทศล้วนมีธรรมชาติที่สวยงาม  อยู่ที่เราจะใช้ประโยชน์ได้สูงสุดเพียงใด

9.              โลก 360 องศา ซีรี่ส์ ร่วมกันพัฒนาตามประสาเพื่อนบ้าน ตอน เวียดนามเปิด เศรษฐกิจเกิด
องค์ความรู้ที่ได้
              ประเทศฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีความโดดเด่นทางด้านการท่องเที่ยว เพราะเป็นประเทศที่มีหมู่เกาะน้อยใหญ่จำนวนมากและมีความสวยงามของธรรมชาติ และอีกทั้งมีความโดดเด่นทางด้านเศรษฐกิจ ประเทศนี้จึงเป็นศูนย์กลางทางราชการเศรษฐกิจและคมนาคมทางอากาศและทะเล 
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
    พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวของเราให้ดีขึ้น
ข้อคิดที่ได้
               ควรใช้ทรัพยากรในประเทศให้มีค่ามากที่สุด

10.       โลก 360 องศา ซีรี่ส์ ร่วมกันพัฒนาตามประสาเพื่อนบ้าน ตอนจับมือกันพัฒนาทั้งไทย-พม่า  
องค์ความรู้ที่ได้
             เนื่องจากทั้งสองประเทศนั้นต่างมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งแร่ธาตุ ก๊าซธรรมชาติต่างๆ รวมไปถึงมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม เหมาะแก่การทำธุรกิจ เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศ มีความเติบโต และเจริญก้าวหน้า จึงได้มีการทำข้อตกลงร่วมกันระหว่างไทยกับพม่า เป็นความตกลงเพื่อให้ทั้งสองประเทศนั้นมีเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่ดีและ พัฒนาไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
    พัฒนาด้านเศรษฐกิจให้โตไวยิ่งขึ้น
ข้อคิดที่ได้
                 การร่วมมือกันทั้ง  ประเทศ   ทำให้เศรษฐกิจแต่ละประเทศดีขึ้น

11.       โลก 360 องศา ซีรี่ส์ ร่วมกันพัฒนาตามประสาเพื่อนบ้าน ตอน ไทย-กัมพูชา ร่วมมือกัน
องค์ความรู้ที่ได้
        ไทย และกัมพูชามีความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจในหลายมิติ  ASEAN จะเป็นเรื่องการจัดระบบและระเบียบทางการค้าและความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสาธารณสุขในลักษณะเป็นสากล และการเชื่อมเส้นทางคมนาคมมุกดาหาร-สุวรรณาเขต-ดองฮา-ดานัง และเส้นทาง กรุงเทพ –พนมเปญ-โฮจิมินทร์ซิตี้-วังเตา เพื่อความสะดวกของประชาชนทั้งสองประเทศ
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
       ได้เรียนรู้ความแตกต่างของการจัดระบบของประเทศที่มีความแตกต่างกันของแต่ละประเทศที่เป็นเพื่อนบ้านของเรา
ข้อคิดที่ได้
        การพัฒนาการจัดระบบของประเทศที่มีความแตกต่างกันจะทำให้ทุกสิ่งเป็นผลสำเร็จ