ชื่อ
นางมนพร เหมทานนท์
เกิดวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2529
เรียนจบจาก มหาวิทยาลัยศิลปากร คณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาภาษาไทย
ปัจจุบัน สอนที่โรงเรียนสุราษฎร์พิทยา
ทำไมถึงเลือกมาเป็นครู
เพราะชอบรักในอาชีพนี้ และบอกกับตัวเองเสมอว่า จะต้องเป็นครูให้ได้
และพอสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ได้เลือกสอบคณะศึกษาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ในสาขาวิชาภาษาไทย ที่เลือกภาษาไทยเพราะโดยพื้นฐานนิสัยตัวเองไม่ชอบการคำนวณ ไม่ชอบอะไรที่ยุ่งยาก และภาษาไทยเป็นวิชาที่ใช้การจำการเข้าใจ เลยเลือกมาเรียนวิชานี้
สุดท้ายก็สามารถเรียนจนจบและมาสอบบรรจุเป็นครูได้สำเร็จ
หลักการสอนหนังสือ
1.
สอนยังไงก็ได้ที่คิดว่าจะทำให้เด็กจำได้ ให้เด็กเข้าใจในสิ่งนั้น อาจเช่น
มีการเล่าเรื่องให้ฟัง และให้นักเรียนไปทำวีดีโอเรื่องที่เรียนไปมาส่ง
นั้นแปลว่าถ้านักเรียนเข้าใจในเรื่องที่ได้เล่าไปนั้นจริง นักเรียนจะสามารถแสดงละครเรื่องนี้ออกมาได้ดี
2.
การสอนนั้นต้องไม่จำเจ ไม่ทำให้นักเรียนรู้สึกเบื่อกับสิ่งที่ได้เรียน
วิชานี้ถือเป็นวิชาที่ท้าทายความสามารถพอสมควร เพราะวิชาภาษาไทย นักเรียนหลายคนจะคิดว่าเป็นวิชาที่น่าเบื่อ เวลาเรียนก็จะง่วงนอน ซึ่งเราต้องทำยังไงล่ะถึงจะทำให้นักเรียนเหล่านี้เกิดอยากเรียนวิชานี้ให้ได้
เราต้องทำให้วิชาที่เขาคิดว่ามันน่าเบื่อเป็นวิชาที่เขาเห็นว่ามันไม่น่าเบื่ออีกต่อไป รู้สึกสนุกกับวิชาที่เขากำลังเรียนอยู่ถ้าเราทำได้นั้นแปลว่าเราทำสำเร็จในการเป็นครู
แนวทางการดำรงชีวิต
เราต้องแบ่งเวลาให้ได้ ว่าเวลานี้เป็นเวลาที่ต้องอยู่กับนักเรียน นั้นหมายถึงว่าเราต้องสวมบทบาทเป็นครูที่คอยสอนนักเรียน ให้ความรู้แก่นักเรียน ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้นักเรียน และเมื่อเวลานั้นเป็นเวลาที่ต้องให้กับครอบครัว นั้นหมายถึงว่า เวลาอยู่กับสามีเราก็ต้องเป็นภรรยาที่ดี
เวลาที่อยู่กับลูกนั้นก็หมายถึงเรากำลังเป็นแม่อยู่ แต่เวลาอยู่กับครอบครัวนั้น จะสบายมากเพราะสามีจะตามใจ และจะคอยทำทุกอย่างในบ้าน
เรามีหน้าที่แค่เลี้ยงลูกให้ดีที่สุดและมอบความรักให้เขาผู้เป็นสามี
สิ่งที่คอยบอกคอยเตือนลูกศิษย์อยู่เสมอ คือ จะคอยบอกลูกศิษย์ว่า จะเรียนอะไรขอให้เป็นสิ่งที่ตัวเราเองชอบ เพราะนั้นหมายถึง เราต้องอยู่กับสิ่งนั้นไปตลอดชีวิต ถ้าเราไม่ชอบไม่ได้รักในสิ่งนั้น เราก็ทำสิ่งนั้นได้ไม่นานหรอก การสอบเข้ามหาวิทยาลัย ให้สอบ
สอบเรื่อยๆอย่ารีบเลือก
อย่าเสียดาย อย่ากล้าที่จะตัดสินใจ
ให้เราหยุดเมื่อเราได้ในที่ที่เราต้องการจริงๆ แล้วชีวิตเราก็จะมีความสุข ไม่จำเป็นว่าต้องจบมาเป็นครูเหมือนครู แค่สิ่งนั้นคือสิ่งที่เธอรักมันจริงก็พอ
สอนการใช้ชีวิต
การใช้ชีวิตมหาวิทยาลัยกับโรงเรียน แน่นอนมันต่างกัน สังคมก็ย่อมเปลี่ยนไป การเข้ามหาวิทยาลัยนั้นเราต้องดูแลด้วยเองได้ ดูแลตัวเองเป็น
อยากลองอะไรลองได้แต่ลองเพื่อแค่ให้รู้รสชาติว่ามันเป็นยังไง ไม่ใช่ลองจนติด ถ้าเราไม่ลองอะไรเลย เวลาถึงยามขับขัน ถ้าเกิดเราโดนมอมเหล้า ถ้าคนไม่เคยแน่นอนเมาแน่ๆ
แต่ถ้าคนที่เคยบ้างก็อาจจะรู้ลิมิตตัวเอง
บ้างครั้งสิ่งเหล่านี้หลายคนอาจจะมองว่าผิด แต่สำหรับครูมันคือการใช้ชีวิตให้เป็น นี้คือวัยรุ่น มีเยอะแยะไปที่เห็นกันอยู่บ่อยๆ เด็กที่ใช้ชีวิตเป็นเคยลองโน่นนี้ เด็กที่สังคมมองว่าเขาไม่ดี
แต่พอถึงเวลาขับขันเขาสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ ต่อสู้ให้ตัวเองรอดพ้นได้ แต่เด็กบางคนที่เอาแต่เรียน ไม่ทำอะไรเลย เวลาอยู่ในสถานการณ์ขับขัน ก็อาจจะแก้ไขอะไรไม่ได้
เพราะไม่เคยผ่านประสบการณ์ชีวิตหลายๆอย่างมา ครูไม่ได้บอกว่า ให้นักเรียนทุกคนไปลองโน่นนี้ แต่นี้คือการยกตัวอย่าง แล้วเราก็ไม่ควรตัดสินคนว่าคนนี้ดีคนนี้ไม่ดี การที่ลองไม่ใช่เรื่องผิดสำหรับครู แค่ลองให้เรารู้แล้วเราก็พอแค่นั้น มันไม่ใช่การทำร้ายตัวเองเลย
สิ่งที่อยากเห็นจากลูกศิษย์เมื่อจบไป
อยากเห็นลูกศิษย์ที่จบไปได้ดีทุกคน อยากให้ลูกศิษย์จบไปมีงานทำ ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก มีครอบครัวที่ดี มีอนาคตที่ก้าวไกล ถ้าลูกศิษย์จบไปแล้วไปได้ดี ตัวเราเองก็จะคอยยินดี และมีความสุขที่เห็นลูกๆของเราได้ดี แต่ถ้าเกิดได้ข่าวถึงลูกศิษย์เราในทางไม่ดี เราก็จะรู้สึกไม่ดีเหมือนกัน รู้สึกเป็นห่วง เพราะลูกศิษย์ของเราทุกคน เปรียบเหมือนลูกของเราเอง
เพราะฉะนั้นแล้วครูอยากเห็นศิษย์ของครูทุกคนได้ดี